ขับรถบรรทุก อาชีพที่ไม่ใช่ใครก็ทำได้

พนักงานขับรถบรรทุก หรือรถชนิดพิเศษอื่นๆ อาชีพที่เป็นที่ต้องการอันดับต้นๆ ของวงการขนส่ง แต่แล้วทำไมอาชีพคนขับรถพิเศษถึงเป็นที่ขาดแคลน ทั้งที่เป็นอาชีพที่มีความต้องการสูง วันนี้แอดมิน เลยจะมาเล่าให้ฟังเหตุผลกันค่ะ

🚛 เป็นอาชีพที่เสี่ยง เพราะต้องทำงานบนท้องถนนตลอดเวลา 

🚛 มีความเครียดค่อนข้างสูง เพราะต้องมีสติพร้อมรับมือกับสถานการณ์ต่างๆ ที่อาจเกิดขึ้นระหว่างเดินทาง ต้องควบคุมเวลา และหากมีการขนส่งสินค้าที่มีมูลค่าสูง ก็ยิ่งต้องมีความระมัดระวังที่มากขึ้น เพื่อป้องกันความเสียหาย

🚛 การทำงานไม่มีเวลาที่ชัดเจน บางครั้งอาจจะต้องทำงานดึก ทำงานล่วงเวลา หรือการเข้างานที่ต่างจากคนทำงานทั่วไป เนื่องจากกฎหมายที่ควบคุมการใช้ท้องถนนของรถใหญ่

🚛 จะต้องเรียนให้ครบหลักสูตรตามที่กรมการขนส่งทางบกกำหนด และต้องมีใบอนุญาตเฉพาะทาง ซึ่งใบอนุญาตเป็นผู้ขับรถบรรทุก แบ่งออกเป็น 4 ชนิด ได้แก่

ชนิดที่หนึ่ง 

ใบอนุญาตเป็นผู้ขับรถ สำหรับรถที่มีน้ำหนักรถและน้ำหนักบรรทุกรวมกัน ไม่เกิน 3,500 กิโลกรัม ที่ไม่ได้ใช้ขนส่งผู้โดยสาร หรือสำหรับรถขนส่งผู้โดยสารไม่เกินยี่สิบคน ผู้ขอรับใบอนุญาตประเภทส่วนบุคคล ต้องมีอายุไม่ต่ำกว่า 18 ปี และใบอนุญาตขนส่งแบบทุกประเภท ต้องมีอายุไม่ต่ำกว่า 22 ปี

ชนิดที่สอง 

ใบอนุญาตเป็นผู้ขับรถสำหรับรถที่มีน้ำหนักรถและน้ำหนักบรรทุกรวมกันเกินกว่า 3,500 กิโลกรัม ที่ไม่ได้ใช้ขนส่งผู้โดยสาร หรือสำหรับรถขนส่งผู้โดยสารเกินกว่ายี่สิบคน ผู้ขอรับใบอนุญาตประเภทส่วนบุคคลต้องมีอายุไม่ต่ำกว่า 20 ปี และใบอนุญาตขนส่งแบบทุกประเภท ต้องมีอายุไม่ต่ำกว่า 22 ปี

คุณสมบัติของผู้ทำใบขับขี่ประเภทนี้ มีเงื่อนไขเยอะมาก นอกจากจะต้องทดสอบสมรรภาพในการขับแล้ว กรมการขนส่งทางบกจะต้องตรวจสอบประวัติอาชญากรรม ตามเงื่อนไขที่กำหนดเอาไว้ ซึ่งระยะเวลา 90 วันที่ต้องรอในการทำใบขับขี่รถบรรทุก ประกอบไปด้วยขั้นตอนดังนี้

– ทดสอบสมรรถภาพร่างกาย เช่น ตาบอดสี สายตาทางกว้าง สายตาทางลึก และทดสอบปฏิกิริยา
– เข้ารับการอบรมการต่อใบขับขี่ประเภท 2
– ทดสอบภาคทฤษฎีเรื่องกฎหมายการใช้รถใช้ถนนใช้ไฟรถบรรทุก
– ทดสอบภาคปฏิบัติโดยใช้รถหกล้อเป็นเครื่องมือด้วย 3 ท่า ทอดเทียบฟุตบาท ท่าจอด และท่าเดินหน้า

ชนิดที่สาม 

ใบอนุญาตเป็นผู้ขับรถซึ่งโดยสภาพใช้สำหรับลากจูงรถอื่นหรือล้อเลื่อนที่บรรทุกสิ่งใดๆ บนล้อเลื่อนนั้น ผู้ขอรับใบอนุญาต ประเภทส่วนบุคคล ต้องมีอายุไม่ต่ำกว่า 20 ปี และใบอนุญาตขนส่งแบบทุกประเภท  ต้องมีอายุไม่ต่ำกว่า 22 ปี

โดยใบขับขี่ชนิดที่ 3 นี้ ผู้ขับรถจะต้องศึกษาอบรมระยะเวลา 3 ชั่วโมง ในประเด็นความรู้เกี่ยวกับรถลากจูง และการขับรถลากจูงอย่างปลอดภัย และต้องทำการทดสอบขับรถ ไม่น้อยกว่า 3 ท่า ใน 7 ท่า ดังต่อไปนี้

 – ท่าที่ 1 การเดินหน้าและหยุดรถเทียบทางเท้า

 – ท่าที่ 2 การขับรถเดินหน้าและถอยหลังในทางตรง

 – ท่าที่ 3 การขับรถถอยหลังเข้าจอดและออกจากช่องว่างด้านซ้าย

 – ท่าที่ 4 การกลับรถ

 – ท่าที่ 5 การหยุดรถบนทางราบ

 – ท่าที่ 6 การหยุดรถและออกรถบนทางลาด

 – ท่าที่ 7 การขับรถโดยปฏิบัติตามเครื่องหมายการจราจร

ชนิดที่สี่ 

ใบอนุญาตเป็นผู้ขับรถสำหรับรถที่ใช้ขนส่งวัตถุอันตราย ตามประเภทหรือชนิดและลักษณะการบรรทุก ตามที่อธิบดีกำหนดโดยประกาศในราชกิจจานุเบกษา ผู้ขอรับใบอนุญาต ประเภทส่วนบุคคล และประเภทการขนส่งทุกประเภท ต้องมีอายุไม่ต่ำกว่า 25 ปี ผู้ขับรถบรรทุกวัตถุอันตราย (ท.4) จะต้องอบรมหลักสูตร จำนวน 4 หลักสูตร ดังนี้ 

– หลักสูตรขั้นพื้นฐาน ซึ่งผู้ขับรถขนส่งสินค้าวัตถุอันตรายทุกประเภท ต้องผ่านการอบรมและทดสอบในหลักสูตรขั้นพื้นฐานทุกคน

– หลักสูตรพิเศษ จำนวน 3 หลักสูตร สำหรับผู้ต้องปฏิบัติหน้าที่ขับรถวัตถุอันตรายประเภทที่ต้องการความเชี่ยวชาญเพิ่มเติม ประกอบด้วย หลักสูตรพิเศษสำหรับการขนส่งวัตถุอันตรายในรูปแบบแท็งก์, หลักสูตรพิเศษสำหรับการขนส่งวัตถุอันตราย ประเภทที่ 1 วัตถุระเบิด และหลักสูตรพิเศษสำหรับการขนส่งวัตถุอันตราย ประเภทที่ 7 วัสดุกัมมันตรังสี

เพราะฉะนั้นไม่ใช่ใครก็ขับรถใหญ่ได้  หลายๆ คนอาจจะเห็นการขับรถใหญ่ ที่สามารถเลี้ยวซอกซอย กลับรถ หรือถอยหลังได้อย่างมือโปร โดยที่ไม่ชน การขับรถใหญ่แบบนี้ไม่ได้อาศัยแค่การขับรถเป็น แต่ต้องอาศัยประสบการณ์ การอบรมเรียนรู้ และการฝึกฝนมาอย่างยาวนานอีกด้วยค่ะ