5 ข้อควรรู้ก่อนเลือกใช้คลังสินค้าห้องเย็น

เคยสงสัยกันไหมคะว่าคลังสินค้าห้องเย็นนั้นมีความสำคัญอย่างไร และก่อนจะเลือกใช้เราควรคำนึงถึงเรื่องอะไรบ้าง วันนี้เราจะมาแนะนำข้อมูลเบื้องต้นกันค่ะ

1. คลังสินค้าห้องเย็นมีไว้เพื่ออะไร

คลังสินค้าห้องเย็น หรือ Cold Storage มีไว้เพื่อเก็บสินค้าที่ต้องการการควบคุมอุณหภูมิเพื่อคงคุณภาพของสินค้าให้สดใหม่ให้ได้ยาวนานที่สุด เหมาะกับสินค้าที่ต้องการการดูแลเป็นพิเศษ เช่น อาหาร ผักผลไม้ ไอศครีม ยา เครื่องสำอาง เป็นต้น การควบคุมอุณหภูมิที่เหมาะสม มีผลต่อการชะลอการเจริญเติบโตของจุลินทรีย์ ช่วยลดอัตราการเกิดปฎิกิริยาเคมีในอาหาร ทำให้อาหารต่างๆ เกิดการเน่าเสียช้าลง สามารถเก็บรักษาได้นานมากยิ่งขึ้น

2. บริการของคลังสินค้าห้องเย็น

แน่นอนว่าคลังสินค้าห้องเย็น ให้บริการจัดเก็บสินค้าทุกชนิดที่ต้องการการควบคุมอุณหภูมิ แต่นอกจากนั้นแล้ว คลังสินค้าห้องเย็น ยังสามารถให้บริการเสริมอื่นๆ 

เช่น freezone หรือการจัดเก็บสินค้าในพื้นที่เขตปลอดอากร การบริหารคลังสินค้าโดยผู้ขาย (Vendor Managed Inventory) บริการท่าเปลี่ยนถ่ายสินค้า (Cross-Docking) บริการขนส่งและกระจายสินค้าทั้งในประเทศและข้ามแดนด้วยรถควบคุมอุณหภูมิ บริการพัฒนาซอฟต์แวร์สำหรับจัดการสินค้า บริการให้คำปรึกษาระบบงานด้านโลจิสติกส์ บริการทั้งหมดนี้ จะช่วยลดขั้นตอนความยุ่งยาก ช่วยอำนวยความสะดวกให้กับผู้ใช้บริการจบงานได้ในที่เดียว

3. อุณหภูมิที่เหมาะสมกับแต่ละประเภทสินค้าของคลังห้องเย็น

คลังสินค้าห้องเย็นจะมีการควบคุมอุณหภูมิให้เหมาะสมกับประเภทสินค้าที่จัดเก็บ ยกตัวอย่างเช่น อุณหภูมิ -40 องศา เหมาะสำหรับแช่แข็งสินค้าประเภทเนื้อสด เพื่อทำให้อุณหภูมิภายในกึ่งกลางลดเหลือ -20 องศา, อุณหภูมิ -20 องศา เหมาะสำหรับสินค้าทั่วไปที่ผ่านการแช่แข็งมาแล้ว เช่น ปลา ไก่ หมู, อุณหภูมิ 0-5 องศา เหมาะสำหรับผลไม้สด ถั่ว ชีสประเภทต่างๆ, อุณหภูมิ 12-15 องศา เหมาะสำหรับไวน์ และอุณหภูมิ 20-25 องศา เหมาะสำหรับ แป้ง ข้าวสาร หรือ เครื่องสำอาง เป็นต้น

4. คลังห้องเย็นที่ดีต้องมีใบอนุญาต

คลังสินค้าห้องเย็นที่ดี ควรได้รับการรับรองต่างๆ โดยสินค้าที่จัดเก็บในห้องเย็นส่วนมากอยู่ในกลุ่มอาหาร ซึ่งมีมาตรฐานการจัดเก็บที่แตกต่างกัน ขึ้นอยู่กับประเภทของอาหาร ทั้งนี้เรื่องของการจัดเก็บที่ถูกสุขลักษณะ ปลอดภัย และปราศจากการปนเปื้อนถือเป็นสิ่งสำคัญมาก ดังนั้น ในการเลือกผู้ให้บริการ ควรคำนึงถึงมาตรฐานการรับรองต่างๆ จากหน่วยงานที่เชื่อถือได้ อาทิเช่น ISO, Halal, GMP, EST, HACCP เป็นต้น

5. คลังสินค้าห้องเย็นจะต้องมีความทันสมัยอยู่ตลอด

คลังสินค้าห้องเย็นควรต้องมีการพัฒนา อัพเดทนวัตกรรมใหม่ๆ อยู่เสมอ หรือมีการใช้เทคโนโลยีเพื่อช่วยลดต้นทุนแก่ผู้ใช้บริการ ซึ่งระบบจัดเก็บสินค้าแบบอัตโนมัติ หรือ Automated Storage Retrieval System (ASRS) นับเป็นอีกตัวอย่างหนึ่ง เพราะคลังสินค้าห้องเย็นที่มีการใช้ระบบนี้ จะสามารถจัดเก็บสินค้าได้อย่างรวดเร็ว มีความแม่นยำ และปลอดภัยสูง อีกทั้งช่วยประหยัดพลังงานไฟฟ้า และลดการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ขึ้นสู่อากาศอีกด้วย